เป็นคู่เลิฟที่น่ารัก หนุ่ม หลุยส์ สก๊อต กับสาว นุ่น รมิดา คบหากันมาราธอนกว่าจะได้ลงเอยสมรส
พอใช้ชีวิตของการการมีคู่ครองมาพักใหญ่หลายคนก็ยิ่งลุ้นสเต็ปต่อไป
อยากที่จะให้มีทายาท
ทำเอาสาว นุ่น สารภาพว่า แอบกดดันด้วยเหตุว่าไปไหน ทุกคนก็ทักถาม
พบ นุ่น มาออกรายการ “จิ้งจกทัก” ได้มาปรึกษาพูดคุยขอเคล็ดลับดี ๆ เลยได้อัปเดตการ มีลูกไปด้วย
จำเป็นต้องถาม นุ่น รมิดา ว่า หลายคนเลยแซวว่ามารายการ “จิ้งจกทัก” ด้วยเหตุว่าต้องการพบหมอช้าง?
“คืออยากเจอทั้งคู่ค่ะ พี่มดดำ หมอช้าง แล้วที่มาก็อยากรู้เรื่องลูกด้วย เรื่องไทม์ไลน์ เรื่องอะไรแบบนี้ พอได้รู้ก็ดีจังเลยที่ได้เจอ เพราะก็ได้เคล็ดลับดี ๆ ไปด้วยค่ะ
นี่คือต้องกลับไปไหว้ตามที่หมอช้างบอกเลยว่าต้องไปไหว้ที่ไหนบ้าง
แต่ถือว่าคุ้มมากๆค่ะ หมอช้างแนะนำเคล็ดลับให้เรียบร้อยเลย ต้องไปเอาเสือน้ำตาลกลับบ้านอะไรอย่างนี้ ต้องทำค่ะต้องทำ”
หลายคนเชียร์ประเด็นการมีลูกมากมายๆต้องการฝากบอกอะไรแฟนๆบ้าง?
“ขอบคุณที่ เป็นกำลังใจให้เราทั้งคู่ ตั้งแต่ เราเริ่มประกาศ เริ่มคบกัน แต่งงาน ทุกคนก็คาดหวังว่า อยากเห็นนุ่นน้อยหลุยส์น้อย ก็อย่างที่เห็นค่ะ ว่าเราก็ยังทำงาน ถามว่ากดดันมั้ย มันก็กดดันเหมือนกัน เพราะด้วยอายุด้วยมันก็มีความรู้สึกว่า วันหนึ่งถ้ามีก็มี แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ เราก็วางแผนการใช้ชีวิต แต่ตอนนี้เราก็ทำให้ดีที่สุดในการที่จะมีลูก ทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้”
ดูราวกับว่าไม่กดดันแต่ว่าจริงๆภายในเราก็กดดันใช่มั้ย?
นุ่น รมิดา “กดดันเพราะว่าไม่ได้แค่มาออกรายการ แล้วเจอผู้คน เจอทีมงานที่เราคุ้นเคย แล้วทุกคนถาม
แต่เวลาเราไปข้างนอก ไปช็อปปิ้ง คนที่เป็นแฟน ๆ หรือเป็นคนทั่วไป ก็ถาม เพราะฉะนั้นตั้งแต่เดินออกจากบ้าน ก็เจอคำถามนี้แล้ว
เมื่อไหร่จะมีลูก แม้แต่ในอินสตาแกรมหรือโซเชียลต่าง ๆ ทุกคนก็จะบอก นุ่นน้อยหลุยส์น้อยต้องมาแล้ว มันก็เหมือนกับกดดันเล็ก ๆ แต่ก็ถือว่ายังไม่กระทบสุขภาพจิตเราขนาดนั้น เพราะมันก็เป็นสอง อย่าง ถ้ามีก็มี ไม่มีก็ไม่เป็นไรเราก็มีชีวิตที่แฮปปี้ มีกิจกรรมหลายอย่าง ที่เราทำได้”
เป็นความห่วงใยที่กดดันนิดนึงมั้ย?
“กดดันมากค่ะ แต่เราก็เข้าใจว่า อย่างแรกที่เราไม่รู้สึกเครียดมาก เพราะเราเข้าใจคนที่เค้าอยากให้เรามีเพราะเค้าหวังดี เพราะเห็นเราสองคนมานานมาก อยากเห็นลูกเราก็คงน่าจะน่ารักเนอะ เพราะเราอยู่ด้วยความน่ารัก ก็เข้าใจในความหวังดี แต่บางครั้งคือเราก็มีความรู้สึกว่าทุกวันนี้เหมือนไม่ใช่เราปฏิเสธว่าจะไม่มี แล้วบอกมีค่ะ แต่ว่าเราก็อยากมีจริงๆ เพราะฉะนั้นคือก็รอให้เกิด”
เวลาพบความกดดันอย่างงี้มีการปรึกษาพูดคุยกับหลุยส์ยังไงบ้าง?
“ก็คุยนะคะ อย่างเรื่องการมีลูกเราคุยกันอยู่แล้ว เราวางแผน วาง 2 ช้อยส์ 3 ช้อยส์ให้เลือก สมมติว่ามี เราจะเลี้ยงยังไง ถ้าเราไม่มี เราจะวางแผนยังไงกับบั้นปลายของเราสองคน หรือถ้าสมมติเรามี แต่ลูกดื้อมากจะทำยังไง คือบางครั้งคนยังไม่มีก็คิดได้เยอะ ถ้ามีอะไรจะต้องอะไรยังไง แต่คนที่เค้ามีมาก่อนเค้าก็บอกว่าเวลาที่มีไม่ต้องคิดอะไรเดี๋ยวธรรมชาติมันจะพาไปเอง เราก็เลยโอเคตามนั้น ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ เราสองคนซึ้งใจมากนะคะ เวลาลงอินสตาแกรม นานๆทีเราจะลงอินสตาแกรม เพราะเราไม่ใช่แนวโซเชียลจ๋าก็ยังมีเป็นแฟนๆ ยังมีคนให้กำลังใจผ่านทางโซเชียล ขอบคุณมากที่ยังคอยติดตามคอยเป็นห่วงเราคอยเอาใจใส่เรา ขอคืนสุขภาพดีให้กับทุกคนแล้วกันนะคะ ขอบคุณค่ะ”
เป็นภรรยาหลุยส์จะต้องอดทน ล่าสุดไปขึ้นเขาสมบุกสมบันร่วมกันมาไปยังไงมายังไง?
“สิ่งแรกก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบ แบบนั้น แต่จริง ๆ นุ่นก็ชอบแหละ ชอบที่จะเดินแต่บางครั้งบางคราวเราก็ไม่รู้เรื่อง ว่าข้างหน้าที่เราไปเดินมัน เป็นอย่างไร
จะโหดขนาดไหน อย่างปัจจุบันที่ ไปสารภาพว่าโหดจริง เดินขึ้นเดินลงฝนตกหมดเลย และก็จริง ๆ เป็นคนไม่ชอบฝนไม่ชอบน้ำ และก็ในขณะที่เดินมัน แฉะ ผู้หญิง จะยากกว่า ผู้ชายนิดนึง
ก็เป็นประสบการณ์ดี ๆ ผ่านมาได้รวมทั้งคิดว่าปกติแล้ว แต่ในเวลาที่กว่าจะผ่าน
อย่าให้พูด และก็ห้องน้ำ ก็ไม่ใช่ว่าจะดี บนเขา อะไรอย่างนี้ค่ะ สำหรับ นุ่นก็ถือว่าเราก็ อึดพอควรเลยนะ”
เรียกว่าเป็นทริปกระชับรักได้มั้ย?
“จริง ๆ ก็ได้นะคะ อย่างตอนโควิดเราไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ร่วมกันตลอดระยะเวลา
ถามว่ามีมั้ยที่มองหน้ากันแล้วแบบ (หันหน้าหนี) มี แต่พอเราได้ไปเดินทริป เหมือนเราได้กลับมากระชับมิตรกันอีกรอบ
เวลาเราเดินขึ้นไปด้านบนมันมีเพียงแค่เราสองคนที่ซัพพอร์ตกัน หลุยส์แบก 15 กิโล นุ่นก็แบก 13 กิโล บางเวลา หลุยส์เมื่อยล้า
เราก็เชียร์อัพกันและก็กัน บางเวลานุ่นเมื่อยล้า
หลุยส์ก็ดันอีกนิดนึงอีกนิดนึง มันเป็นการช่วยเหลือเจือจานกัน เวลามันเกิดทริปเล็ก ๆ อย่างงี้มันจะเกิดความตรึงใจ เนื่องจากว่าเราสองคนจะต้องกำหนดแผนการเดิน
การขึ้นไปข้างบน คนนึงกางเต็นท์คนนึงกางของ มันควรจะมีหน้าที่ เราถือว่าเรายังสามัคคีกันอยู่ หมายความว่าเราก็ยังรักกันเหนียวแน่นหนึบ (หัวเราะ)”